สำหรับคนที่กำลังมองหารถยนต์หรูไว้ใช้ซักคัน คงหนีไม่พ้นค่ายดาวสามแฉก เมอร์เซเดส-เบนซ์ และในปี 2555 ที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ได้เปิดตัวนตรกรรมรุ่นใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดประเทศไทยหลากหลายรุ่นด้วยกัน พร้อมกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์ใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ
ซึ่งสามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม รวมทั้งยังสามารถครองความเป็นผู้นำตลาดรถหรูในประเทศไทยเป็นปีที่ 12 ติดต่อกัน โดยมียอดขายรวมอยู่ที่ 6,274 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ถึง 34% ซึ่งรถยนต์รุ่น C-Class และ E-Class ยังคงเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ E-Class นับเป็นอีกรุ่นที่คนไทยชื่นชอบมายาวนาน เนื่องจากเป็นรถคอมแพ็คคาร์ที่มีขนาดตัวถังก้ำกึ่งระหว่างขนาดกลางและใหญ่ ทำให้รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ E-Class มีรูปลักษณ์ที่ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป ขณะเดียวกัน E-Class จัดเป็นรถซีดานระดับหรูหรารองจาก S-Class เป็นซีดานรุ่นที่ใหญ่และหรูหราที่สุดของเมอร์เซเดส เบนซ์
และในช่วงต้นปี 2556 ที่ผ่านมา บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดตัว The new E-Class ถึงสามรุ่นใหม่ ได้แก่ E200 EXECUTIVE , E300 BlueTECHYBRID Executive และE300 BlueTEC HYBRID AMG Dynamic
ปรับรูปลักษณ์เป็นสปอร์ตซีดาน
รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ The new E-Class ได้รับการปรับโฉมใหม่ ซึ่งรูปลักษณ์ภายนอกด้านหน้าที่ได้รับการปรับเปลี่ยนมากที่สุด คือ แผงกระจังหน้า และ โคมไฟคู่หน้า โดยกระจังหน้าในรุ่นตกแต่งแบบ Executive เป็นแบบลาย 3 แถบพร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์บนฝากระโปรงหน้า และในรุ่นที่ตกแต่งแบบAMG Dynamic จะเป็นกระจังหน้าลาย2แถบพร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ดวงใหญ่ตรงกลาง
ส่วนลายเส้นนูนด้านข้างได้รับการดีไซน์ใหม่ให้เกิดพริ้วไหวและมิติด้านข้างสวยงาม ทำให้สัดส่วนรถดูยาวและหรูหราขึ้น พร้อมกับโฉบเฉี่ยว ปราดเปรียวในขณะเดียวกัน ที่โดดเด่นคือการนำไฟแบบ LEDมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ ไฟหน้าเป็นแบบ LED High Performanceไฟท้ายแบบ LED fibre-opticโคมไฟคู่หน้าได้รับการออกแบบใหม่หมด โดยรวมชุดไฟLEDทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เช่น ไฟต่ำ ไฟสูง ไฟเลี้ยว และไฟ daytime ทำให้เกิดลายเส้นกราฟฟิคสวยงามสะดุดตามากขึ้นซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกด้วยเช่นกันที่โคมไฟแบบ LEDได้รับการออกแบบให้อยู่รวมในกรอบเดียวกัน และยังคงเป็นการสื่อถึง “ไฟคู่หน้า” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ดั้งเดิมของ E-Classไว้เหมือนเดิม
ภายในคงความความหรูหรา
ภายในห้องโดยสารได้มีการปรับให้มีความผสานกลมกลืนสวยงามเข้ากับรูปลักษณ์ภายนอกที่ปรับเปลี่ยนไป โดยการนำวัสดุมีคุณภาพสูงมาใช้ให้ดูหรูหราขึ้น ส่วนเบาะหุ้มหนังพร้อมด้วยพนักพิงศีรษะคู่หน้าแบบ NECK-PRO head restraints รวมถึงแผงคอนโซลหน้าพร้อมลายไม้แบบhigh-gloss brown eucalyptus , high-gloss brown burr walnut หรือ high-gloss black ash wood นาฬิกาได้รับการดีไซน์เป็นแบบอนาล็อกอยู่ระหว่างช่องระบายความเย็นเครื่องปรับอากาศ ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแบบ THERMATIC
นอกจากนั้นยังมีระบบมัลติมีเดีย COMAND Onlineควบคุมการทำงานของวิทยุและดีวีดี สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต พร้อม controller และ ระบบนำทางnavigation system ในรุ่น E 300 BlueTEC HYBRID Executiveและ E 300 BlueTEC HYBRID AMG Dynamic รวมทั้งระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านบลูทูธ เพื่อให้ความสะดวกสบายในการสื่อสารมากยิ่งขึ้น
เพียบพร้อมด้วยระบบความปลอดภัย
เมอร์เซเดส-เบนซ์ The new E-Class มาพร้อมกับเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยใหม่ที่ผสานความสะดวกสบายและความปลอดภัยเข้าไว้ด้วยกันซึ่งเรียกว่าระบบ “Intelligent Drive” เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยสูงสุด ด้วยระบบการช่วยเหลือและระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ จึงทำให้ The new E-Class เป็นยานยนต์ที่มีความปลอดภัยมากที่สุดคันหนึ่งในเซ็กเม้นท์นี้
ระบบ “Intelligent Drive” มีพื้นฐานมาจากแนวคิดการปกป้องก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุเข้าไว้ด้วยกันภายใต้ระบบควบคุมอัจฉริยะเพียงหนึ่งเดียวที่ทำงานสอดประสานกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุ (PRE-SAFE® system) เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด5 ที่นั่งทั้งคู่หน้าและคู่หลังแบบผ่อนแรงและรั้งกลับอัตโนมัติ พนักพิงศีรษะคู่หน้าแบบ NECK-PRO head restraints ที่ช่วยลดอาการบาดเจ็บกรณีที่ถูกชนจากด้านหลัง ถุงลมนิรภัยด้านหน้า2 ตำแหน่ง พร้อมเซ็นเซอร์วัดแรงปะทะและการคาดเข็มขัดนิรภัย ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 4 ตำแหน่ง ม่านถุงลมนิรภัยป้องกันศีรษะ ถุงลมนิรภัยบริเวณสะโพก 2 ตำแหน่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ซึ่งช่วยเสริมการปกป้องให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
นอกจากนั้นยังมีระบบความปลอดภัยอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) ระบบช่วยเตือนการขับรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping Assist) และระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist)
เครื่องยนต์ใหม่ประหยัดน้ำมัน
The new E-Class ในรุ่น E200 EXECUTIVE จะใช้เครื่องยนต์แบบเบนซินแถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ 2.0 ลิตร 184 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที มีแรงบิดสูงสุดที่ 300 นิวตัน-เมตร ที่ 1,200 -4,000 รอบ/นาที มีอัตราการเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้เวลาเพียง 7.9 วินาที มีความเร็วสูงสุดประมาณ 233 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ย 16.39-17.24 กิโลเมตร/ลิตร โดยมีหัวฉีดชนิด piezo ซึ่งสามารถฉีดเชื้อเพลิงเข้าห้องเผาไหม้โดยตรง ด้วยแรงดันเชื้อเพลิงสูงสุดอยู่ที่ 200 บาร์ และเป็นเทคโนโลยีแบบเดียวกันที่ใช้กับเครื่องยนต์ V6 และ V8 รุ่นใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยได้นำมาใช้กับเครื่องยนต์ 4 สูบเป็นครั้งแรก
นอกจากนี้เทคโนโลยีที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่นี้ รวมถึงจังหวะการฉีดเชื้อเพลิงและจุดระเบิดแบบหลายครั้งติดต่อกันตรงสู่ห้องเผาไหม้ทำให้การเผาไหม้สมบูรณ์ขึ้น ระบบช่วยประจุอากาศด้วยเทอร์โบชาร์ทเจอร์เพลาลูกเบี้ยวที่สามารถปรับองศาการเปิด-ปิดของวาล์วไอดีและไอเสีย รวมถึงการควบคุมแรงดันของปั๊มน้ำมันเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับรอบเครื่องยนต์ส่งผลให้เครื่องยนต์ใหม่มีสมรรถนะเพิ่มขึ้น และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 135-142 กรัม/กิโลเมตร
ขณะที่ในรุ่น E 300 BlueTEC HYBRID นับเป็นรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นแรกในประเทศไทยที่ได้ใช้เครื่องยนต์ไฮบริดดีเซล ซึ่งเทคโนโลยี BlueTEC HYBRID เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งเป็นการผสมผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ดีเซลกับมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานและให้ประสบการณ์การขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น ด้วยเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กลง การออกสตาร์ทที่เงียบ และช่วยลดการสันดาปของเครื่องยนต์
พร้อมด้วยฟังก์ชั่น ECO Start/Stopที่ช่วยประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงให้พละกำลังเช่นเดิม โดยองค์ประกอบต่างๆ ของระบบไฮบริด เช่น ระบบไฟฟ้าในห้องเครื่องยนต์สามารถผสานรวมกับเครื่องยนต์สันดาปภายในได้โดยตรงโดยมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 23.81-24.39 กม./ลิตร หรือคิดเป็น 1.23-1.26 บาท/กม. เท่านั้น(คำนวณจากราคาน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 11 มีนาคม 2556) และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์107-110กรัม/กม. ผ่านกำลังเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7จังหวะ (7G-TRONIC PLUS)
TEST DRIVE
เมื่อวันที่ 4-5 พฤศจิกายน 2556 บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เชิญ “MZ-THAILAND” ร่วมทดสอบรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในรูปแบบ “Mercedes-Benz The new E-Class Family Test Drive” ในเส้นทางกรุงเทพฯ – จังหวัดตรัง รวมระยะทางกว่า 800 กิโลเมตร
รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ “ดอกเบี้ย” ได้ทดสอบ คือ รุ่น The new E-Class E200 EXECUTIVE โดยจุดเริ่มต้นของการทดสอบมีขึ้นที่อาคารรัจนาการบนถนนสาทร แล้วขับมุ่งหน้าไปทางพระราม 2 เพื่อมุ่งสู่ทางลงใต้ ซึ่งในช่วงของการขับขี่ในเมืองพบว่า ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร 184 แรงม้า ส่งผลทำให้การขับขี่ง่าย เครื่องยนต์ให้อัตราการเร่งออกตัวที่ดี แม้ว่าตัวรถจะมีขนาดใหญ่และน้ำหนักเยอะ แต่ด้วยพละกำลังของเครื่องยนต์ที่มีมากทำให้ขับขี่ง่าย
ขณะที่เมื่อลองขับขี่นอกเมือง พบว่าเมื่อขับขี่ในย่านความเร็วประมาณ 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตัวรถยังให้ความรู้สึกว่านิ่ง และรวมไปถึงระบบช่วงล่างให้ความรู้สึกว่านิ่มเหมาะกับสไตล์การขับขี่สำหรับคนมีอายุ ส่วนความเร็วสูงสุดสามารถทำได้เกิน 200 กิโลเมตรได้อย่างสบาย ด้านพวงมาลัยให้ความแม่นยำ และรวมไปถึงหากต้องการขับแบบในโหมดสปอร์ตก็สามารถเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift พร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่นบนพวงมาลัย ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบายทุกที่นั่ง
ขณะที่การทดสอบเมอร์เซเดส-เบนซ์ E200 EXECUTIVE ส่วนใหญ่ใช้ความเร็วในการเดินทาง 120-160 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันแสดงผลอยู่ที่เฉลี่ย 12 กิโลเมตร/ชั่วโมง ถือว่ามีความประหยัดน้ำมันพอสมควร ซึ่งถ้าหากใช้ความเร็วเฉลี่ยแบบคงที่น่าจะให้ความประหยัดน้ำมันมากกว่านี้
สรุปโดยรวมแล้ว รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ E200 EXECUTIVE คันนี้ นอกจากเรื่องของความโดดเด่นในเรื่องของสมรรถนะเครื่องยนต์แล้ว ด้านระบบความปลอดภัยก็ให้มาแบบครบครัน เริ่มตั้งแต่ เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด5 ที่นั่งทั้งคู่หน้าและคู่หลังแบบผ่อนแรงและรั้งกลับอัตโนมัติ , พนักพิงศีรษะคู่หน้าแบบ NECK-PRO head restraints , ถุงลมนิรภัยด้านหน้า2 ตำแหน่ง พร้อมเซ็นเซอร์วัดแรงปะทะและการคาดเข็มขัดนิรภัย , ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ , ระบบช่วยเตือนการขับรถให้อยู่ในช่องทาง และ ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหารถยนต์หรู แต่เพียบพร้อมด้วยความสะดวกสบายและความปลอดภัย
สำหรับราคาจำหน่ายรถ เมอร์เซเดส-เบนซ์ E200 EXECUTIVE เคาะราคาจำหน่ายที่ 3.390 ล้านบาท , รุ่น E200 Coupe AMG Dynamic ราคา 3.790 ล้านบาท และ E200 Cabriolet AMF Dynamic ราคา 3.990 ล้านบาท ส่วนรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในรุ่น E300 BlueTec Hybrid Executive ราคา 3.690 ล้านบาท และ รุ่น E300 BlueTec Hybrid AMG Dynamic ราคา 4.090 ล้านบาท