บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เชิญ “MZ-THAILAND” ร่วมกิจกรรมทดสอบรถเชฟโรเลต ครูซ ไมเนอร์เชนจ์ รุ่น 1.8 LTZ บนเส้นทางกรุงเทพฯ-สุพรรณบุรี รวมระยะทางประมาณ 440 กิโลเมตร แบบ One Day Trip
เชฟโรเลต ครูซ ได้เปิดตัวออกสู่ตลาดประเทศไทยเป็นครั้งแรก เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553 ประสบความสำเร็จมียอดขายมากกว่า 20,000 คัน มาพร้อมการออกแบบที่ร่วมสมัยและสมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่น ครูซจึงเป็นรถยนต์สำหรับผู้บริหารรุ่นใหม่และสำหรับครอบครัว โดยคอมแพ็คต์ซีดานคันนี้นำยอดขายเชฟโรเลตทั่วโลกในปี 2555 ด้วยตัวเลขมากกว่า 755,00 คัน และที่สำคัญครูซยังเป็นรถเชฟโรเลตที่มียอดขายสูงที่สุดในโลก มีตัวเลขสะสมเกือบ 1.9 ล้านคัน นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2552
สำหรับรถเชฟโรเลต ครูซ ไมเนอร์เชนจ์ 2013 นี้ ได้ปรับเปลี่ยนกันชนด้านหน้าดีไซน์ใหม่คู่กับไฟตัดหมอกรูปทรงโฉบเฉี่ยว พร้อมกับการปรับการออกแบบทั้งกรอบไฟหน้ามุมโครเมียมและกระจังหน้าใหม่ที่ทำให้โลโก้เชฟวี่ โบว์ไท มีความสะดุดตายิ่งขึ้น ขณะที่กันชนหลังดีไซน์ใหม่ให้ความสปอร์ตกว่าเดิม เข้ากับกรอบไฟท้ายใหม่อย่างลงตัว ครูซ โฉมใหม่ ยังมาพร้อมล้ออัลลอยแบบห้าก้านที่แต่งเติมความหรูหราให้แก่ตัวรถมากยิ่งขึ้น
เข้ามาที่ภายในห้องโดยสารโดยในรุ่นของครูซ LTZ ได้ใช้สีน้ำตาลแดง (brown stone) แบบใหม่ พร้อมการแต่งเติมรายละเอียดและพื้นผิวสัมผัสบริเวณคอนโซลกลางให้ความรู้สึกหรูหราและมีความเป็นสปอร์ตคอมแพ็คคาร์มากยิ่งขึ้น สำหรับปุ่มสตาร์ทและดับเครื่องยนต์ได้รับการปรับเปลี่ยนให้เป็นทรงกลมเพื่อรองรับการใช้งานได้สะดวกสบายกว่าเดิม
ด้านเครื่องยนต์ยังใช้เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ECOTEC บล็อก 4 สูบ เพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบ (DOHC) เหมือนเดิม ให้พละกำลังสูงสุด 141 แรงม้าที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 177 นิวตันเมตรที่ 3,800 รอบ/นาที แต่เครื่องยนต์ตัวนี้ได้รับการปรับเปลี่ยนให้สามารถรองรับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ได้ ผ่านระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด รหัส GF6 รุ่นใหม่ล่าสุด
จุดเริ่มต้นของการทดสอบทริปนี้มีขึ้นที่โรงแรมพูลแมน คิง พาวเวอร์ ทดสอบไปยังจุดหมายปลายทางที่ โรงงานมิตรผล ไบโอฟูเอล จ.สุพรรณบุรี โดยก่อนที่จะเดินทางได้มีการแวะเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ตรงสถานีบริการน้ำมันบางจากบนถนนวิภาวดี
หลังจากที่เติมน้ำมันเป็นที่เรียบร้อย ความรู้สึกแรกของการขับขี่รถเชฟโรเลต ครูซ เมื่อได้เติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 คือ อัตราเร่งตั้งแต่การออกตัวดี เครื่องยนต์ตอบสนองได้ทันใจ เมื่อลองกดคันเร่งลึกเพื่อคลิ๊กดาวน์เร่งแซงรถคันข้างหน้าก็รู้สึกได้ว่าไม่อืดอาดเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนไมเนอร์เชนจ์ ขณะเดียวกันได้ลองหันมาใช้เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด รหัส GF6 รุ่นใหม่ล่าสุด ขับขี่ในรูปแบบโหมดสปอร์ต +/- ต้องบอกว่าตอบสนองในด้านอัตราเร่งได้รวดเร็ว และอาการกระตุกของเกียร์เมื่อเวลาเล่นโหมดสปอร์ตไม่มีให้รู้สึก
ด้านระบบช่วงล่างของรถเชฟโรเลต ครูซ ยังใช้ช่วงล่างระบบยูโรไรด์เช่นเดิม ความรู้สึกทังการนั่งขับขี่และนั่งเบาะผู้โดยสาร ให้ความรู้สึกของช่วงล่างนุ่มกว่ารุ่นที่แล้ว การเข้าโค้งในขณะขับขี่นั้นยังรู้สึกได้ถึงความโคลงเคลงของตัวรถ ซึ่งอาจเป็นเพราะระบบช่วงล่างที่ให้ความรู้สึกว่านุ่ม
ขณะที่พวงมาลัยให้ความแม่นยำเป็นอย่างมากในการหมุนพวงมาลัยเข้าโค้งแต่ละครั้ง ปุ่มกดบนพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นเพื่อควบคุมครูสคอนโทรลและเครื่องเสียงใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน เบาะนั่งกระชับ แต่ติดตรงมีปัญหาตรงที่ปุ่มหมุนควบคุมพัดลมแอร์ตรงคอนโซลกลางอยู่ติดกับเข่าด้านซ้ายของคนขับ ทำให้บางทีปุ่มหมุนเมื่อเวลาโดนเข่าของคนขับส่งผลทำให้เลื่อนเร่งแรงลมแอร์เอง ส่วนวัสดุซับเสียงลมในขณะขับขี่ด้วยความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เป็นต้นไปนั้นทำได้ดีแทบไม่ได้ยินเสียงลมจากข้างนอก
สรุปโดยรวมแล้วรถเชฟโรเลต ครูซ ไมเนอร์เชนจ์คันนี้ ได้ปรับเปลี่ยนทั้งรูปลักษณ์ภายนอก ภายใน และเครื่องยนต์ ให้ตรงกับความต้องการลูกค้าชาวไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของพลังงานทางเลือก ในรุ่นของเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร ทางเชฟโรเลตปรับเปลี่ยนให้สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ได้นั้น ถือว่าช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันได้ แม้ว่าจำนวนสถานีบริการน้ำมัน E85 มีไม่มาก แต่คาดว่าในอนาคตมีเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ขณะที่มาตรวัดแสดงผลการใช้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันในการทดสอบทริปนี้โดยที่ใช้ความเร็วเฉลี่ย 100-140 กิโลเมตร/ชั่วโมง อยู่ที่ 10.4 กิโลเมตร/ลิตร
ส่วนระบบความปลอดภัยถือว่าให้มาคุ่มค่าไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้าง ระบบเบรกABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบ ESP ระบบ Traction Control และกุญแจนิรภัย Key Immobilizer ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 7.590 แสนบาท – 1.248 ล้านบาท ถือว่าคุ้มค่าน่าซื้อใช้