เมอร์เซเดส-เบนซ์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความปลอดภัยและนวัตกรรมยานยนต์ จัดกิจกรรมทดสอบสมรรถนะเชิงความปลอดภัยในงาน "Mercedes-Benz A-Class Driving Experience 2013" เปิดประสบการณ์ใหม่เร้าใจบนสนามเซอร์กิตเป็นครั้งแรกด้วยรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ The new A-Class คอมแพคคาร์เจเนอเรชั่นใหม่ ณ สนามแข่งโบนันซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล สปีดเวย์ เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เชิญ MZ-THAILAND เข้าร่วมทดสอบทดสอบสมรรถนะเชิงความปลอดภัยในงาน "Mercedes-Benz A-Class Driving Experience 2013" โดยปีนี้ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้นำรถตระกูล A-Class มาทดสอบเพื่อแสดงถึงถึงศักยภาพขีดความสามารถในสมรรถนะและประสิทธิภาพของเครื่องยนต์พร้อมเข้าใจถึงระบบความปลอดภัยต่างๆ ซึ่งในปีนี้ได้ใช้รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ The new A-Class รุ่น A 250 AMG Sport และ รุ่น A 180 Style สำหรับการทดสอบไว้ถึง 15 คัน
โดยมีทีมผู้ฝึกสอนมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญและมีดีกรีเป็นนักแข่งรถมืออาชีพจากประเทศออสเตรเลีย 4 ท่าน ซึ่งมีประสบการณ์การสอนการขับขี่ปลอดภัยและการขับขี่บนสนามแข่งมาแล้วทั่วโลก นำทีมโดย นายปีเตอร์ แฮ็คเก็ต , นายเอลเลียต บาร์เบอร์ , นายจอร์ช มีเด็กค์ และ นายโร ชาร์ลส ร่วมด้วยผู้ฝึกสอนจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) นายอัชฌ์ บุณยประสิทธิ์ และ นายชัยวัธน์ แก้วงามอรุณ ซึ่งผ่านการฝึกอบรมโปรแกรมการขับขี่ปลอดภัยและได้รับประกาศนียบัตรรับรองมาตรฐานจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศเยอรมนี และรวมไปถึงนายสิริคุปต์ เมทนี นักแสดงและนักแข่งรถมืออาชีพ
The new A-Class ได้รับการออกแบบภายนอกเพื่อเป็นการปรับโฉมครั้งสำคัญ ที่สะท้อนได้เป็นอย่างดีถึงกลยุทธ์ใหม่ในด้านการออกแบบของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยใช้ดีไซน์แบบ Two-box ที่สื่อถึงความเป็นสปอร์ต คล่องแคล่ว ปราดเปรียว ด้วยรูปลักษณ์และทรวดทรงอันสวยงาม โดดเด่นด้วยดีไซน์การออกแบบลายเส้นด้านข้างตัวรถแบบพริ้วไหวสะดุดตา โดยกระจังหน้าในรุ่น A 180 Style คาดด้วยลาย 2 แถบเสริมโครเมียม พร้อมสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และในรุ่น A 250 AMG Sport จะเป็นกระจังหน้าใหม่แบบ Diamond Grille โคมไฟหน้าแบบฮาโลเจน ในรุ่น A 180 Style และแบบไบซีนอน (Bi-xenon) ตกแต่งด้วยวงกลมสีแดง รวมทั้งไฟ daytime สำหรับขับขี่เวลากลางวัน แบบ LED ในกรอบไฟหน้า ในรุ่น A 250 AMG Sport
สำหรับการออกแบบทั้งหมดนี้ให้ความรู้สึกถึงสรีระของตัวรถที่พริ้วไหวอิสระอย่างไร้ขอบเขต ด้วยฝากระโปรงที่โค้งต่ำ ตัวถังที่ออกแบบให้ลู่ลมลาดเอียงไปกับพื้นถนน นอกจากนี้ด้วยความโดดเด่นด้านดีไซน์ตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่เห็นเด่นชัดตั้งแต่หลังคารถ ช่วยเติมสัมผัสของความเป็นสปอร์ตให้มากขึ้น โดยเส้นสายทั้งหมดช่วยสร้างมิติและความปราดเปรียวให้กับตัวรถเต็มไปด้วยความคล่องแคล่ว และสง่างาม
การตกแต่งภายในของ The new A-Class ได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องบินเจ็ทที่กำลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ทำให้ดูทันสมัย ดูมีสีสันมากขึ้น ด้วยการเลือกใช้วัสดุชั้นดี คุณภาพสูง โดยเน้นสีแดงตัดสลับสร้างความโดดเด่นในรุ่น A 250 AMG Sport ได้แก่ ช่องปรับอากาศ 5 ช่อง แบบโครเมียมตกแต่งด้วยวงกลมสีแดงที่แผงคอนโซล พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ต 3 ก้านหุ้มหนัง Nappa ตกแต่งด้วยสีแดง เบาะนั่งแบบสปอร์ตหุ้มหนัง ARTICO สลับ DINAMICA microfibre สีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง เข็มขัดนิรภัยสีแดง เป็นต้น
ส่วนในรุ่น A 180 Style จะตกแต่งลวดลายแบบโครเมียม ได้แก่ ช่องปรับอากาศ 5 ช่อง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พนักวางแขนข้างประตู รวมถึงเบาะนั่งแบบสปอร์ตหุ้มหนัง ARTICO สลับผ้า Larochette สีดำหรือสีเทา ส่วนแผงหน้าปัดดีไซน์แบบสปอร์ตด้วยลายธงตาหมากรุก และใช้มาตรวัดแบบสปอร์ต ตกแต่งพื้นหลังด้วยสีเงิน และก้านบอกตำแหน่งสีแดงในทั้ง 2 รุ่น
ระบบความปลอดภัยจัดเต็มด้วยมาตรฐานขั้นสูง นำโดยกระจกส่องหลังลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP (Electronic Stability Program) ระบบช่วยเบรก BAS (Brake Assist) ทำงานร่วมกับระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS (Anti-lock braking system) ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (Acceleration skid control)
ส่วนเครื่องยนต์ของ A180 Style มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ แถวเรียงเทอร์โบ 1,595 ซีซี แรงม้าสูงสุด 122แรงม้า ที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ที่ 1,250-4,000 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 9.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 202 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ย 18.52 กม./ลิตร เคาะราคาขาย 1,890,000 บาท ขณะที่ A 250 AMG Sport มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ แถวเรียงเทอร์โบ 1,991 ซีซี แรงม้าสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,200-4,000 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 6.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ย 15.63 กม./ลิตร เคาะราคาขายที่ 2,490,000 บาท
"Mercedes-Benz A-Class Driving Experience 2013" ได้แบ่งออกเป็น 3 สถานี ได้แก่ Handling Challenge การขับด้วยความเร็วและเปลี่ยนช่องทางวิ่งแบบกะทันหัน , High Speed Lane Change เพื่อเรียนรู้อาการของรถและการควบคุมรถอย่างถูกวิธีเมื่อขับด้วยความเร็วสูง และการจำลองสถานการณ์เพื่อทดสอบโปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ หรือ ESP® – Electronic Stability Program (ESP® Simulator) เมื่อต้องควบคุมรถในสถานการณ์คับขัน เช่น หักหลบสิ่งกีดขวางบนถนนเปียกลื่น และเปรียบเทียบอาการเสียการทรงตัว อาการเข้าโค้งและหลุดโค้ง
สำหรับสถานีแรก Handling Challenge ได้เซ็ตสนามให้วิ่งแบบ Gymkhana หรือเรียกอีกแบบว่า motorkana โดยได้ใช้รถ A 250 AMG Sport มาทดสอบสถานีนี้ สถานี้ดังกล่าวเป็นการฝึกและทดสอบการบังคับเลี้ยวพวงมาลัย ซึ่งท่านั่งและวิธีการจับพวงมาลัยเป็นส่วนสำคัญ หากท่านั่งเอนไปทางด้านหลังมากเกินไป หรือลักษณะการจับพวงมาลัยในท่าที่แขนตึงเกินไป สิ่งเหล่านี้จะมีผลกระทบต่อเนื่องเพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา อย่างท่าจับพวงมาลัยแบบมือยื่นตึงหากเกิดการชนขึ้นแรงกระแทกจะส่งแรงสะท้อนขึ้นมาถึงพวงมาลัย ส่งผลทำให้ข้อศอกหรือไหล่จะเกิดอาการบาดเจ็บจากสะท้อนของการชนได้ หรือหากนั่งใกล้ชิดพวงมาลัยมากเกินไป ก็ส่งผลกระทบต่อการจับพวงมาลัยเลี้ยวไปมาไม่สะดวก ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
สถานีที่ 2 เป็นการทดสอบ High Speed Lane Change โดยสถานีนี้ยังได้ใช้รถ A 250 AMG Sport ทดสอบเช่นเดิม ซึ่งสถานีนี้ถูกเซ็ตสนามออกมาเป็นการจำลองเหตุการณ์การขับเปลี่ยนเลนกระทันหัน เพื่อเป็นการทดสอบระบบ ESP หรือ Electronic Stability Program ในลักษณะมีสิ่งกีดขวางข้างหน้า ทำให้เราต้องหักพวงมาลัยเพื่อหักหลบและต้องหักพวงมาลัยกลับเพื่อกลับเข้ามาในเลนตัวเอง นอกจากนี้ยังได้ทดสอบรถ A 250 AMG Sport ในรูปแบบ Drag เป็นการลองอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ไม่ได้มีการจับเวลา เพียงให้ลองถึงสมรรถนะการออกตัวของรถ A 250 AMG Sport
และสถานีสุดท้าย Wet Handling เป็นการทดสอบการควบคุมพวงมาลัย เบรก และ การเหยียบคันเร่ง โดยสถานีนี้ใช้วิธีเซ็ตสนามโดยการฉีดน้ำบนพื้นแทร็ค แล้วนำยางรถยนต์ที่สั่งทำมาพิเศษโดยการเคลือบชั้นพลาสติคเข้ากับยางรถยนต์ ทำให้เมื่อโดนน้ำจะเกิดอาการลื่น โดยสถานีไม่ต้องใช้ความเร็วมากมาย จึงได้เตรียมรถ A180 Style มาทดสอบ นอกจากจะฉีดน้ำบนแทร็คให้เปียกแล้ว ยังตั้งกรวยให้มีลักษณะหักหลบซ้าย-ขวา เพื่อเป็นการขับขี่ให้เกิดอาการลักษณะท้ายปัด เพื่อควบคุมรถให้กลับมาปกติ สิ่งสำคัญของสถานีคือการอย่างเหยียบเบรกแรง โดยหากเหยียบแรงมากไปรถจะขวางแทร็คทันที จบท้ายด้วย Hot Lap สำหรับการขับแบบสปอร์ตจากทีมครูฝึก เป็นการขับขี่ในรูปแบบ Racing Line ให้ผู้เข้าร่วมทดสอบได้นั่ง
สรุปโดยรวมแล้วการทดสอบ "Mercedes-Benz A-Class Driving Experience 2013" จะเป็นการทดสอบสมรรถนะเชิงความปลอดภัยด้วยรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ The new A-Class นอกจากผู้เข้ารับการทดสอบจะได้รับประสบการณ์จริง มีความเข้าใจและสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีความปลอดภัยอันทันสมัยที่ติดมากับตัวรถได้อย่างเต็มที่แล้ว ผู้เข้าร่วมทดสอบจะรูสึกถึงการทดสอบระบบความปลอดภัยในตัวรถ ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP® – Electronic Stability Program) ที่ช่วยให้ล้อรถยนต์ยึดเกาะผิวถนนได้ดีขึ้น รวมถึงการควบคุมการทรงตัวของระบบช่วงล่าง ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นฟีทเจอร์มาตรฐานของรถยนต์ยี่ห้ออื่นๆ ทั่วโลก ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบช่วยเบรก BAS (Brake Assist), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (Acceleration skid control) เป็นต้น ซึ่งทำให้ผู้เข้าร่วมทดสอบสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดบนท้องถนน