กาลเวลาผ่านไป 24 ปีหลังจากที่บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดตัวรถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ เจเนอเรชันที่ 1 เข้าสู่ตลาดประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี 2539 สามารถกวาดยอดขายไปแล้วกว่า 700,000 คัน ปัจจุบันฮอนด้า ซิตี้ เจเนอเรชันที่ 5 ที่ได้เปิดตัวเมื่อช่วงปลายปี 2562 ที่ผ่านมา นับเป็นรถยนต์ฮอนด้าอีกหนึ่งรุ่นที่ตอบโจทย์ลูกค้าคนไทยได้เป็นอย่างดี
สำหรับ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ที่เปลี่ยนมุมมองจากรถซิตี้คาร์กลายมาเป็นรถอีโคคาร์ โดยใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กลงแบบ1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว มาพร้อม Turbo Charger ที่อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 - 4,500 รอบต่อนาที ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่าเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร (เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม) และแรงบิดเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร
ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ให้อัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร ตอบสนองทุกการขับขี่ด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด โดยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานไอเสียยูโร 5 ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 99 กรัมต่อกิโลเมตร และสามารถรองรับการใช้น้ำมัน E20
การทดสอบฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ในครั้งนี้ ฮอนด้าได้นำรุ่น RS มาให้ทดสอบ รูปลักษณ์ภายนอกของรุ่น RS จะแตกต่างจากรุ่นทั่วไป คือ มีชุดแต่งสไตล์สปอร์ตแบบ RS รอบคัน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ Gloss Black และสัญลักษณ์ RS มาพร้อมกันชนหน้าและกระจังหน้าสไตล์สปอร์ต ไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกแบบ LED กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ตพร้อมไฟเลี้ยวในตัว สปอยเลอร์หลังแบบ Gloss Black พร้อมสัญลักษณ์ RS และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว
ภายในห้องโดยสาร สะท้อนความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยเบาะหนังกลับดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ พร้อมมาตรวัดเรืองแสงสีแดง และดึงดูดทุกสายตาด้วยสีภายนอกใหม่ สีแดงอิกไนต์ (Ignite Red) มาพร้อมปุ่ม Push Start ระบบ Idle Stop ระบบไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
ในช่วงการทดสอบในเมืองฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ แม้ว่าเป็นรถในกลุ่มอีโคคาร์ตัวถังขนาดรถซิตี้คาร์ แต่ยังให้ความคล่องตัวในการใช้งาน อัตราเร่งในการขับขี่ในเมืองถือว่ามีให้ใช้มากมาย ถึงเครื่งยนต์ขนาดเพียงแค่ 1.0 ลิตรแต่ด้วยมีระบบ Turbo Charger ทำงานตั้งแต่รอบต่ำช่วยให้ขับขี่ในเมืองไม่มีอืด
การขับขี่นอกเมืองที่ต้องใช้ความเร็วสูงขึ้น อัตราเร่งของเครื่องยนต์ยังทำได้ดีไม่อืดอย่างที่คิด ตอบสนองทุกความต้องการของย่านความเร็ว ผสานด้วยการใช้ Paddle Shift ที่มีเกียร์ให้ใช้ถึง 7 สปีด สามารถตอบสนองดั้นใจช่วยให้การขับขี่สนุกยิ่งขึ้น น้ำหนักของพวงมาลัยไม่หนักและเบาจนเกินไป มีความแม่นยำในการขับขี่เข้าโค้ง
ขณะที่ช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีม ให้การยึดเกาะถนนที่ดีแม้ว่าตัวรถมีอาการโยนตัวเล็กน้อย ระบบเบรกให้ความรู้สึกนิ่มนวลขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนแต่ยังให้ความมั่นใจว่าเบรกอยู่อย่างแน่นอน
รถฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย ด้วยโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON ปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทางด้วยถุงลม 6 ตำแหน่ง ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist - VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist - HSA) และกล้อง ส่องภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera)
สรุปโดยรวมแล้ว ฮอนด้า ซิตี้ ในรุ่น RS เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบแนวสปอร์ต เพราะมีการตกแต่งความสวยงามมาจากโรงงานมาให้เป็นที่เรียบร้อย นับว่ายังเป็นรถที่ตอบโจทย์คนที่กำลังมองหารถเอาไว้ใช้งาน ไซส์ของตัวรถไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป เครื่องยนต์มีพละกำลังให้ใช้งานได้ดี ซึ่งอัตราเฉลี่ยที่ใช้น้ำมัน 1 ถังไปประมาณ 17 กิโลเมตรต่อลิตร โดยฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ วางจำหน่าย 4 รุ่น เคาะราคาเริ่มต้นที่ 579,000 – 665,000 บาท ส่วนในรุ่น RS ราคา 739,000 บาท