บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดกิจกรรมทดสอบรถ ALL-NEW MAZDA CX-30 ยนตรกรรมครอสโอเวอร์เอสยูวีในตระกูล CX ที่มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC PLUS บนเส้นทางจ.พิษณุโลก – ขอนแก่น รวมระยะทางประมาณกว่า 300 กิโลเมตร
นับตั้งแต่ต้นปีมาสด้าเปิดเกมส์รุกตลาดเสริมความแข็งแกร่งหลังจากเจอไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด ด้วยการเปิด ALL-NEW MAZDA CX-30 หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการทำตลาดรถ SUV สามารถสร้างยอดจำหน่ายในตระกูล CX มากถึง 5,736 คัน โดย ALL-NEW MAZDA CX-30 คันนี้ ถือเป็นรถครอสโอเวอร์เอสยูวีเจเนอเรชั่นใหม่รุ่นแรกของมาสด้า มาพร้อมแพลตฟอร์มใหม่ SKYACTIV-VEHICLE ARCHITECTURE ที่พัฒนาจากท่วงท่าของมนุษย์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและมีสมดุล มอบความปลอดภัยให้ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร รวมไปถึงผู้ใช้ถนน
ภายในห้องโดยสารให้ความหรูหรา มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันด้วยเบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ได้ 2 ตำแหน่ง แผงหน้าปัดและมาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอล TFT LCD การเชื่อมต่อการสื่อสารด้วย Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว ควบคุมด้วยปุ่ม Center Commander พร้อมด้วยระบบเสียงคุณภาพสูงจาก Bose® รอบทิศทาง ด้วยลำโพง 12 ตำแหน่ง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เพิ่มความอเนกประสงค์ด้วยเบาะหลังแบบพับได้ 60:40 แยกอิสระจากกัน และประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร ให้พละกำลังถึง 165แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ได้รับการพัฒนาให้สมรรถนะความแรงและประหยัดน้ำมัน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองรับน้ำมันได้สูงสุดถึง E85 ให้อัตราความประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 15.4 กิโลเมตรต่อลิตร
การทดสอบ ALL-NEW MAZDA CX-30 ในครั้งนี้ ได้ใช้เส้นทางจากจ.พิษณุโลก เดินทางไปที่จ.ขอนแก่น รวมระยะทางประมาณกว่า 300 กิโลเมตร โดยเป็นรถรุ่น 2.0 ถือเป็นตัวท็อปสุดของรุ่นนี้ การขับขี่ในเมืองพิษณุโลกที่มีการจราจรคับคั่งในช่วงเช้า รถคันนี้ถือว่าให้ความคล่องตัวดี โดยเฉพาะอัตราเร่งของเครื่องยนต์ตัวนี้ถือว่าตอบสนองดี ขณะที่การขับขี่นอกเมืองที่ต้องเริ่มใช้ความเร็วสูงขึ้น การตอบสนองของการเล่นเกียร์ผ่าน Paddle Shift ทำให้บางช่วงที่ต้องการใช้พละกำลังเร่งแซงสามารถเร่งแซงได้อย่างทันใจไม่ต้องรอลุ้นให้เหนื่อย
ขณะที่เส้นทางการเดินทางมีบางช่วงที่ต้องเจอเส้นทางขึ้น-ลงเขา ระบบช่วงล่างของ ALL-NEW MAZDA CX-30 ด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นแบบกึ่งอิสระทอร์ชั่นบีม ที่ทำงานร่วมกันกับ GVC Plus ส่งผลให้การขับขี่ในโค้งมีเสถียรภาพมากขึ้น ทำให้มีความรู้สึกมั่นใจในการควบคุมรถขณะอยู่ในโค้ง
นอกจากนี้ รถคันดังกล่าวยังให้ระบบเทคโนโลยี i-ACTIVSENSE มาแบบครบครัน เริ่มตั้งแต่ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง , ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM , ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA , ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC , ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS , ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance หรือ Advanced SBS , ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R , ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC , ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH , ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS , ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS และ ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA
สรุปโดยรวมแล้ว ALL-NEW MAZDA CX-30 เป็นยนตกรรมที่ขับขี่แล้วเหมือนขับ ALL-NEW MAZDA3 ยกสูง เพราะทั้งเครื่องยนต์และช่วงล่างเหมือนกัน เพียงแต่แตกต่างกันตรงที่ช็อคอัพและสปริงของ ALL-NEW MAZDA CX-30 ถูกยกสูงขึ้น นับว่าเป็นครอสโอเวอร์เอสยูวีอยู่ตรงกลางระหว่าง มาสด้า CX-3 และ มาสด้า CX-5 ซึ่งจะมาเติมเต็มตอบสนองความต้องการคนที่ชื่นชอบในรถกลุ่มนี้ โดยเฉพาะในเรื่องของออปชั่นที่ให้มาแบบครบครัน สำหรับ ALL-NEW MAZDA CX-30 มีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น 2.0 C ราคา 989,000 บาท , รุ่น 2.0 S ราคา 1,099,000 บาท และ รุ่น 2.0 SP ราคา 1,199,000 บาท