บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด ได้แนะนำเทคโนโลยีสกายแอคทีฟครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อปี 2556 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะอยู่ในรถมาสด้าเจนเนอเรชั่นใหม่ทุกรุ่น โดยมาสด้าได้เลือกที่จะเดินตามแนวคิด "กล้าที่จะต่าง" หรือ DEFY CONVENTION โดยมองลึกลงไปที่ข้อจำกัดของรถยนต์ในปัจจุบัน
เพื่อให้สามารถนำเรื่องของพลศาสตร์มาช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้แก่รถ และช่วยให้ประหยัดการใช้น้ำมันยิ่งขึ้นได้ในเวลาเดียวกัน การพัฒนารถรุ่นใหม่ๆ ของมาสด้าจะให้ความสำคัญควบคู่ไปกับการปรับปรุงเทคโนโลยียานยนต์อย่างต่อเนื่อง การปรับปรุงที่กล่าวถึงนี้หมายถึงเทคโนโลยีใหม่ของรถทั้งคัน ตั้งแต่เครื่องยนต์ ระบบเกียร์ โครงสร้างตัวถัง ช่วงล่าง และระบบบังคับเลี้ยว
เช่นเดียวกันกับรถมาสด้า2 SKYACTIV ใหม่คันนี้ ที่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2558 ที่ผ่านมา ยังเป็นรถที่ผ่านการอนุมัติจากโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ระยะที่ 2 หรือ อีโคคาร์ 2 ของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และยังเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายรถอีโคคาร์เป็นรายแรก
ทั้งนี้ มาสด้าได้ใช้เทคโนโลยีคลีนดีเซล SKYACTIV-D กับรถมาสด้า2 ซึ่งทำให้มาสด้าสามารถมีรถที่ผ่านมาตรฐานและข้อกำหนด คือ ให้ความประหยัดน้ำมันตามกฎเกณฑ์ที่ 4.3 ลิตร/ 100 กม. (หรือ 23.2 กม./ลิตร) และยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำกว่า 100 กรัม
นายฮิเดสึเกะ ทาเกซึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “แม้อีโคคาร์และรถบีเซกเมนต์ หรือซับคอมแพ็กต์ ยังเป็นตลาดที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด หรือมีส่วนแบ่งในตลาดรวมถึง 38% แต่การเข้ามาของมาสด้า2 โฉมใหม่ จะสามารถยกระดับมาตรฐานรถยนต์นั่งขนาดเล็ก พร้อมให้คนไทยได้ใช้ของดีในราคาคุ้มค่า ซึ่งกลุ่มลูกค้าของมาสด้า2 ถือว่าเป็นผู้มีความรู้ มีหน้าที่การงานมั่นคง ฐานะทางการเงินมีเสถียรภาพ และเชื่อว่ายังมีกำลังซื้ออยู่มาก จึงเป็นส่วนสำคัญในการทำยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมาย และแน่อนว่าจะช่วยผลักดันให้ยอดขายรวมของบริษัทในปีนี้กลับมาเติบโตอีกครั้ง
“มาสด้า2 โฉมใหม่ ถือว่าเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในปีนี้ โดยบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ 30,000 คัน ด้วยรูปลักษณ์สวยงาม และเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่ให้ทั้งความแรงและประหยัด เชื่อว่าจะได้การตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี ล่าสุดมียอดจองเข้ามากว่า 3,000 คัน หลังเปิดรับจองในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2014 ปลายปีที่แล้ว และภายในเดือนมกราคม 2558 ที่ผ่านมา พร้อมส่งมอบให้ลูกค้าได้แล้วถึง 1,500 คัน ขณะที่ยอดขายรวมทั้งปีได้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 50,000 คัน”
การออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกของรถมาสด้า2 SKYACTIV ใหม่ ยังออกแบบในแนวของมาสด้า คือ โคโดะ–จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหวที่สวยงาม เริ่มที่เส้นของกระจังหน้าแบบใหม่ที่ให้ความแข็งแรงมากขึ้นและเป็นแบบสามมิติ ไฟหน้าฮาโลเจนแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ทรงกลม ที่ล้อมรอบจุดศูนย์กลางดูคล้ายกับดวงตาของสัตว์ที่คอยจ้องมอง เส้นสายของกระจังหน้าเป็นแบบสามมิติ เส้นสายตัวรถด้านข้างถูกออกแบบให้มีลักษณะเหมือนเสือที่กระโจนหรือการพุ่งทะยานไปข้างหน้า
ภายในห้องโดยสารยังคงมีความใกล้เคียงกันกับรถมาสด้า3 SKYACTIV การเลือกใช้วัสดุเกรดสูงที่มีคุณภาพผสมผสานกับวัสดุที่ทันสมัย อุปกรณ์ตกแต่งภายในใช้สีและการเคลือบเงาเพื่อความสวยงามตกแต่งผิววัสดุด้วยลวดลายคาร์บอนไฟเบอร์ ระบบการควบคุมและการแสดงข้อมูลการทำงานถูกวางในตำแหน่งที่ดีที่สุดบนพื้นฐานของการให้มนุษย์เป็นศูนย์กลางของการควบคุมและคอนเซ็ปต์ของพื้นที่การขับขี่แบบ Head-up โดยมาตรวัดแสดงข้อมูลที่หลากหลายถูกจัดแสดงเพื่อให้ทราบถึงสภาวะของรถ บนหน้าปัดมาตรวัดทรงกลมขนาดใหญ่วางอยู่กึ่งกลางและหน้าปัดแสดงผลด้านปีกทั้งสองข้าง
หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Active Driving Display จัดแสดงข้อมูลที่สำคัญในการขับขี่ รวมถึงความเร็วขณะขับขี่ปุ่มควบคุม Center Commander เป็นการวางตำแหน่งของปุ่มควบคุมให้เป็นศูนย์กลางของการควบคุม สามารถเลือกดูข้อมูลที่จัดแสดงบนหน้าจอแสดงข้อมูลขนาด 7 นิ้ว โดยไม่ต้องละสายตาจากการขับขี่ นอกจากนี้ยังมีระบบปฏิบัติการที่สั่งการด้วยเสียงเพื่อเปลี่ยนเมนูต่างๆ
รถมาสด้า2 SKYACTIV ใหม่ได้ใช้เครื่องยนต์สกายแอคทีฟซึ่งเป็นเครื่องยนต์ดีเซลสะอาดที่พัฒนาขึ้นใหม่ล่าสุด SKYACTIV-D 1.5L แรงบิด 250 นิวตัน-เมตร 105 แรงม้า จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีดแรงดันสูงแบบคอมมอลเรล ไดเรคอินเจคชั่น สำหรับระบบอัดอากาศใช้เทอร์โบแปรผันแบบ Turbocharger Variable Turbine Geometry พร้อมระบบอินเตอร์คูลเลอร์ที่ช่วยอุณหภูมิไอดีก่อนเข้าห้องเผาไหม้ ทำให้เครื่องยนต์มีการทำงานที่สมบูรณ์ ผ่านระบบส่งกำลังใหม่เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SKYACTIV-DRIVE ที่พัฒนาขึ้นเพื่อทำงานร่วมกับเครื่องยนต์สกายแอคทีฟขนาดเล็กโดยเฉพาะ มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 26.4 กิโลเมตร/ลิตร
สำหรับรถมาสด้า2 SKYACTIV วางจำหน่ายด้วยกัน 3 รุ่น ทั้งซีดาน 4 ประตู และ แฮทช์แบ็ค 5 ประตู ได้แก่ รุ่น Sport XD แฮทช์แบ็ค 675,000 บาท , Sport XD High แฮทช์แบ็ค 735,000 บาท และ Sport XD High Plus แฮทช์แบ็ค 790,000 บาท ส่วนในรุ่น Sedan XD ซีดาน 675,000 บาท , Sedan XD High ซีดาน 735,000 บาท และ Sedan XD High Plus ซีดาน 790,000 บาท
TEST DRIVE
บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด ได้เชิญ “MZ-THAILAND” ร่วมทดสอบรถมาสด้า2 SKYACTIV-D ใหม่ ทั้งรุ่นซีดาน 4 ประตู และ แฮทช์แบ็ค 5 ประตู บนเส้นทาง เชียงราย-เชียงแสน รวมระยะทางประมาณ 180 กิโลเมตร
การทดสอบมีขึ้นที่จ.เชียงราย โดยเส้นทางในช่วงแรกขับจากในเมืองเพื่อมุ่งไปจุดหมายปลายทางที่พระตำหนักดอยตุง โดยเส้นทางมีลักษณะคดเคี้ยวไปมาบนเขา ซึ่งในช่วงแรกได้ทดสอบขับในรุ่นซีดาน 4 ประตู โดยที่อัตราเร่งของเครื่องยนต์ให้ความรู้สึกว่าต้องกดคันเร่งให้ผ่านพ้น 2,500 รอบ/นาที ถึงจะรู้สึกได้ว่าตัวถึงจะพุ่งทะยาน ขณะที่การกดคันเร่งเพื่อเร่งแซงให้ความรู้สึกว่าไม่ต้องกดคันเร่งลึกมาก แต่อัตราเร่งมาแบบทันใจเหลือเฟือไม่ต้องลุ้นว่าจะพ้นหรือไม่พ้นให้เหนื่อย
เข้าสู่ช่วงที่ 2 ได้เปลี่ยนมาขับในรุ่นแฮทช์แบ็ค 5 ประตู โดยจุดหมายปลายทางต่อไปที่หอฝิ่น เส้นทางนี้ส่วนใหญ่เป็นเส้นทางตรงนอกเมือง ใช้ความเร็วในการขับขี่เป็นส่วนใหญ่ โดยได้ลองหันมาเล่นระบบเกียร์ +/- บ้าง นับว่าให้การตอบสนองดี เมื่อลองลากรอบเครื่องยนต์สูง ซึ่งรถมาสด้า2 SKYACTIV-D ใหม่คันนี้ ไม่มีระบบเปลี่ยนเกียร์ให้ ทำให้สามารถขับลากรอบเครื่องยนต์ไปจนถึง Red Line ได้ โดยความเร็วสูงสุดได้ลองทำความเร็วคร่าวๆ สามารถวิ่งได้เกิน 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้อย่างแน่นอน
ขณะที่ระบบช่วงล่างของรถมาสด้า2 SKYACTIV-D ใหม่ ด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัทและช่วงล่างด้านหลังทอร์ชั่นบีมให้ความรู้สึกว่านุ่ม การเกาะถนนดีเยี่ยมแม้ว่าตัวรถจะมีอาการโคลงเคลง โดยเฉพาะอัตราทดพวงมาลัยที่รวดเร็วขึ้น ช่วยให้การตอบสนองของระบบบังคับเลี้ยวมีความแม่นยำ และรวมไปถึงเวลากลับรถมีระยะสั้นไม่ต้องใช้พื้นที่มาก
สรุปโดยรวมแล้ว รถมาสด้า2 SKYACTIV-D ใหม่คันนี้ ทั้งรุ่นซีดาน 4 ประตู และ แฮทช์แบ็ค 5 ประตู ให้ความรู้สึกการขับขี่ไม่ได้แตกต่างกันมาก การขับขี่คล่องตัว สมรรถนะการเกาะถนนดี ขณะที่การทดสอบส่วนใหญ่ใช้ความเร็ว แต่จอแสดงผลได้บอกอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 17 กิโลเมตร/ลิตร ทำให้รู้สึกได้ว่ามีความประหยัดน้ำมัน หากลองขับแบบประหยัดน้ำมันคาดว่าอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 26.4 กิโลเมตร/ลิตร ที่ทางมาสด้าการันตีมาสามารถทำได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ รถคันดังกล่าวยังมีระบบ “MZD Connect” ที่ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟน สำหรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายยิ่งขึ้น ทั้งการใช้งานโทรศัพท์แบบแฮนด์ฟรี, การแสดง-อ่าน SMS รวมถึงการอ่านข้อความล่าสุดบน Twitter และ Facebook, การฟังวิทยุบนอินเตอร์เน็ตจากทั่วโลก และยังมีแอพพลิเคชั่นสำหรับติดตามผลอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสำหรับผู้ขับอีกด้วย