บริดจสโตนนำเทคโนโลยี ENLITEN ที่ให้น้ำหนักเบาและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาใช้กับยาง Turanza Eco ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ไลท์เยียร์ วัน (Lightyear One)ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพอย่างยอดเยี่ยมด้วยการยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่, ช่วยเพิ่มระยะวิ่งของรถได้มากยิ่งขึ้น และยังลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
การร่วมมือครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาล่าสุดของบริดจสโตนที่ยังคงเดินหน้าเป็นองค์กรชั้นนำระดับโลกด้านโซลูชั่นขั้นสูงและการเดินทางอย่างยั่งยืน โดยเทคโนโลยี ENLITEN ช่วยทำให้ยางมีความต้านทานในการหมุนต่ำ โดยลดการสิ้นเปลืองวัตถุดิบในการผลิตลง, ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพอย่างยอดเยี่ยมด้วยการยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ช่วยเพิ่มระยะวิ่งให้รถได้มากยิ่งขึ้น และ ยังลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
การเป็นพันธมิตรร่วมกันระหว่างไลท์เยียร์ และบริดจสโตนสืบเนื่องมาจากความมุ่งมั่นที่ร่วมกันส่งเสริมความยั่งยืนและร่วมกันเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ระดับโลกในรายการ BridgestoneWorld Solar Challenge โดยรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ไลท์เยียร์ วัน จะลงสนามทดสอบในไตรมาสที่ 2 ในปี 2564และคาดการณ์ช่วงเวลาการเปิดตัวสู่ตลาดในแถบยุโรปภายในปลายไตรมาสที่ 4
กว่า 90 ปี ของการดำเนินธุรกิจของบริดจสโตนองค์กรชั้นนำระดับโลกด้านโซลูชั่นขั้นสูงและการเดินทางอย่างยั่งยืน ได้เผยถึงการเป็นพันธมิตรร่วมกับไลท์เยียร์ ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมด้านการเดินทางจากประเทศเนเธอร์แลนด์บริดจสโตนได้ออกแบบพัฒนายางที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ไลท์เยียร์วันที่สามารถวิ่งระยะทางไกลได้เป็นรุ่นแรกของโลก ซึ่งมีแผนจะเปิดตัวสู่ตลาดในประเทศแถบยุโรปภายในสิ้นปีนี้
การวิจัยล่าสุดจากบริดจสโตนพบว่า 50 %ของผู้ขับขี่รถยนต์ในยุโรปมีความคิดที่จะซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) และยังมีอีกกว่า 37%ที่ยังกังวลว่าจะซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าดีหรือไม่ เนื่องจากมีข้อกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพและข้อจำกัดของการวิ่งของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ไลท์เยียร์วันสามารถตอบโจทย์ข้อกังวลเหล่านี้ได้ด้วยการรองรับการขับขี่เป็นระยะทางถึง 725 กม. ต่อแบตเตอรี่หนึ่งรอบชาร์จ คิดเป็น ประสิทธิภาพพลังงานที่มากกว่าสูงสุดถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าอื่นๆที่จำหน่ายในตลาดปัจจุบัน รถยนต์รุ่นนี้ได้รับการชาร์จกระแสไฟฟ้าโดยตรงจากแสงอาทิตย์ผ่านแผงโซลาร์ขนาดใหญ่ซึ่งติดตั้งอยู่บนหลังคารถ, ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และยังใช้การชาร์จน้อยลงในขณะที่เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานได้สูงสุด
เพื่อให้ตอบโจทย์สมรรถนะที่เหนือชั้นดังกล่าว ไลท์เยียร์จึงได้พัฒนาเทคโนโลยีปัจจุบันให้ก้าวไปอีกขั้นด้วยการออกแบบรถยนต์ที่มีสัมประสิทธิ์อากาศพลศาสตร์ที่ดีที่สุดในบรรดารถที่ผลิตจริงในปัจจุบัน โดยใช้ประโยชน์หลายประการจากการออกแบบรถยนต์ในหลากหลายด้าน และเพื่อสนับสนุนสมรรถนะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพรถยนต์ให้ดียิ่งขึ้น ไลท์เยียร์ยังได้เลือกยางที่ช่วยให้มีความต้านทานในการหมุนต่ำและมีน้ำหนักน้อยลงเพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่, ช่วยเพิ่มระยะวิ่งให้ได้มากยิ่งขึ้น และยังลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
บริดจสโตนได้พัฒนายาง Turanza Eco ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ไลท์เยียร์วัน ด้วยการนำเทคโนโลยี ENLITEN ที่เป็นนวัตกรรมใหม่และมีน้ำหนักเบาร่วมกับเทคโนโลยี
ยางรถยนต์ประหยัดเชื้อเพลิงของบริดจสโตน หรือ ologicที่นำมาใช้งานได้จริงก่อนใคร เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยลดการสิ้นเปลืองวัตถุดิบลงในตลอดทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต ทั้งยังลดความต้านในการหมุนผ่านดอกยางนวัตกรรมใหม่,เส้นผ่านศูนย์กลางยางรถยนต์ที่ใหญ่ขึ้น,แรงดันลมยางสูง และยังออกแบบยางให้มีน้ำหนักเบาลง
ความต้านการหมุนของยางที่ต่ำมากนี้ยังช่วยทำให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ไลท์เยียร์ วันสามารถใช้ประโยชน์จากแบตเตอรี่ที่มีน้ำหนักเบาได้อีกด้วย ซึ่งส่งผลให้ยาง Turanza Eco ซึ่งได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะจะช่วยเพิ่มระยะวิ่งให้รถได้มากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับยางรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นอื่นของ บริดจสโตนเทียบเท่ากับการลดน้ำหนักได้ถึง 90 กก. และนอกจากจะช่วยให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ไลท์เยียร์วัน วิ่งได้ไกลขึ้นต่อการชาร์จหนึ่งครั้งแล้ว การกระจายตัวของซิลิกาในยางรถยนต์ยังได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยีการผสมแบบใหม่ ซึ่งสามารถทำให้ยางมีน้ำหนักเบาลงโดยรวมถึง 3.6 กก. (ประมาณ 10 %) ของน้ำหนักยางต่อรถหนึ่งคันโดยไม่ทำให้ประสิทธิภาพ อายุยาง และ การยึดเกาะถนนลดลง
ในการผลิตยาง Turanza Eco ครั้งแรกนั้น ยางจะถูกทำเครื่องหมายBridgestoneEV ใหม่จากบริดจสโตน บนแก้มยาง เครื่องหมายBridgestoneEV ใหม่จากบริดจสโตนจะใช้กับยางที่ออกแบบโดยเฉพาะสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพื่อเป็นการบ่งชี้ว่ายางได้ผ่านการทดสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนและได้รับการอนุมัติจากผู้ผลิตรถยนต์แล้ว ดังนั้นยางเหล่านี้จึงสามารถรองรับคุณสมบัติเด่นที่ไม่เหมือนใครของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและผ่านตามข้อกำหนดของผู้ผลิตรถยนต์ในด้านอายุการใช้งานของแบตเตอรี่, การควบคุมการขับขี่ และอายุการใช้งานของยาง
นอกจากนี้ บริดจสโตนยังใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการพัฒนายางแบบVirtual Tyreช่วยให้สร้างแบบจำลองสมรรถนะของยางที่แม่นยำได้โดยไม่ต้องผลิตยางจริงและย่นเวลาการทดสอบการใช้ยางจริงได้สูงสุดถึง 40,000 กม. นอกจากนี้ยังช่วยลดเวลาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการทดสอบการใช้ยางจริงลงได้สูงสุดถึง 50% อีกด้วย
แนวคิดการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ไลท์เยียร์วัน มาจากการแข่งขันรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ระดับโลกระดับโลกในรายการ Bridgestone World Solar Challenge ซึ่งเป็นการแข่งขันรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ในเขตชนบทของประเทศออสเตรเลีย ระยะทางรวม 3,000 กม. ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีและรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ให้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยแนวคิดดังกล่าว บริดจสโตนได้ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีไอนด์โฮเฟิน (Eindhoven Technical University)และบุคลากรผู้สนับสนุนของไลท์เยียร์มานานกว่า 8 ปี กล่าวได้ว่าทีม “Solar TeamEindhoven”เป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งไลท์เยียร์ซึ่งเป็นทีมที่ชนะได้รับ Cruiser Cup จากการแข่งขันรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ระดับโลกในรายการBridgestone World Solar Challenge ถึงสี่ปีซ้อนตั้งแต่ปี 2559-2562
Emilio Tiberio, COO และ CTO ของ บริดจสโตน EMIA (BSEMIA) ให้ความเห็นว่า: “ไลท์เยียร์มีแนวคิดที่ยอดเยี่ยมในด้านการเดินทางที่ยั่งยืนนับตั้งแต่ที่เราได้เห็นทีมของพวกเขาเข้าร่วมการแข่งขันรถยนต์ พลังงานแสงอาทิตย์ระดับโลกในรายการBridgestone World Solar Challengeและเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ไลท์เยียร์ วันโดยบริดจสโตนยังมุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงให้ได้ 50% ภายในปี 2573 และใช้วัสดุที่ยั่งยืน 100% ภายในปี 2593และจะร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจซึ่งเป็นพื้นฐานที่นำไปสู่ผลสำเร็จในเป้าหมายดังกล่าว”
Lex Hoefsloot, CEO ของไลท์เยียร์ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับบริดจสโตน ซึ่งองค์กรของเรามีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการพัฒนาด้านการเดินทางอย่างยั่งยืนเพื่ออนาคตโลกของเรากำลังประสบกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายอย่างที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าของทั้งสองบริษัทจึงทำให้สามารถทำงานร่วมกันเพื่อมุ่งมั่นและสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนของโลกต่อไป”