งาน "แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2013" 5 วัน เงินสะพัดกว่า 200 ล.บ.

1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 Rating 0 (0 Votes)

14 แบรนด์ค่ายมอเตอร์ไซค์ดังขานรับร่วมงาน "แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2013" คาด 5 วันที่จัดงาน มีเงินสะพัดกว่า 200 ล้านบาท  ผู้ชมงานกว่า 1.2 ล้านคน    พร้อมเผยตลาดรถบิ๊กไบค์ปี 2556 ไม่สะดุดเติบโตกว่า 10,000 คันแม้ภาครัฐปรับฐานภาษีใหม่ ชี้วิกฤติเศรษฐกิจอเมริกา-ยุโรป และ AEC หลายชาติแห่เจาะตลาดเอเชีย-อาเซียน จะช่วยปลุกวงการรถบิ๊กไบค์เมืองไทยให้คึกคัก

นายณัฐบูร และนายณัฐพล ไตรณัฐี ผู้จัดงานเทศกาลเพื่อคนที่หลงใหลรถจักรยานยนต์ "แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2013" กล่าวว่่า งานในปี 2556 นี้จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ "Fuel of Life หรือ เชื้อเพลิงแห่งชีวิต" เพื่อสะท้อนรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันของทุกคนนอกเหนือจากการใช้ชีวิตไปกับการทำงานแล้ว การพักผ่อนถือเป็นการเติมพลังให้ทุกคนมีชีวิตชีวาในการดำรงชีพอย่างมีความสุข โดยเฉพาะคนรักมอเตอร์ไซค์สามารถนำมอเตอร์ไซค์มาใช้ในการพักผ่อนเพื่อเติม "เชื้อเพลิงแห่งชีวิต" โดยจากความสำเร็จการจัดงาน 4 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นยอดขายมอเตอร์ไซค์ อุปกรณ์ของแต่งและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ผนวกกับความต้องการตลาดที่มีสูง และการเติบโตแบบก้าวกระโดดของวงการรถบิ๊กไบค์ของเมืองไทยในปัจจุบัน มั่นใจว่า การจัดงานในปีนี้ประสบความสำเร็จมากกว่าปีที่ผ่านมาแน่นอน 

"ปีนี้เราได้ใช้งบในการจัดงานกว่า 15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้วประมาณ 20% โดยมีพื้นที่ในการจัดงานเกือบ 20,000 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นจากเดิม 4,000 ตารางเมตร คือบริเวณฮอลล์ชั้น 8 โดยเราได้เนรมิตพื้นที่ให้เป็นโซนการจัดแสดงค่ายรถมอเตอร์ไซค์แบรนด์ต่างๆ รวมถึงเวทีที่ใช้ในการจัดกิจกรรมความบันเทิง นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์ที่น่าสนใจภายในงาน เช่น Vintage Bike ที่จะจัดแสดงมอเตอร์ไซค์โบราณ BMW ของกลุ่ม Vintage Bike Thailand จำนวน 24 คัน แต่ละคันเป็นรถที่หาดูได้ยาก เนื่องจากมีอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไป เรียกว่าทุกชั้นและเกือบทุกพื้นที่ภายในเซ็นทรัล เวิลด์ (ราชประสงค์) จะมีรถมอเตอร์ไซค์ตลอดจนถึงอุปกรณ์และสินค้าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้คนรักมอเตอร์ไซค์เลือกชมและซื้ออย่างจุใจ ด้วยโปรโมชั่นพิเศษที่มีเฉพาะในงานนี้เท่านั้น"

เราคาดว่าการจัดงานทั้ง 5 วัน จะมีเม็ดเงินสะพัดกว่า 200 ล้านบาท มีผู้เข้าชมงานไม่น้อยกว่า 1.2 ล้านคน เนื่องจากทำเลที่ตั้งของงานอยู่ใจกลางเมือง เดินทางได้สะดวกและหลากหลายช่องทาง รวมถึงกลุ่มคนที่ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์และติดตามงานนี้ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้เข้าเยี่ยมชมงานมีหลากหลายมากขึ้น ไม่เฉพาะแต่ผู้ที่สนใจรถมอเตอร์ไซค์เท่านั้น แต่มีกลุ่มคนที่ติดตามเพื่อมาเลือกซื้อสินค้า พักผ่อน ทานอาหาร และช่วยเชียร์ให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น และชาวต่างชาติที่เดินทางมาช็อปปิ้งที่ศูนย์การค้าฯ และในบริเวณใกล้เคียง

สำหรับค่ายมอเตอร์ไซค์ที่เข้าร่วมงานประกอบด้วย 14 แบรนด์ คือ ฮอนด้า , ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน , ไทรอัมพ์ , เคทีเอ็ม , ซูซุกิ , คาวาซากิ , ยามาฮ่า , ไทเกอร์ , สตาเลี่ยน , เอ็มวีออกุสต้า , แอลเอ็มแอล , วิคตอรี่ , ซีโร่เอ็นจิเนียริ่ง และ โพลาริส ขณะเดียวกันเรายังได้รวบรวมสินค้าสำหรับคนรักมอเตอร์ไซค์ไว้อย่างหลากหลาย ประกอบด้วย ตัวแทน , ร้านค้า , ผู้จำหน่ายสินค้าชั้นนำต่างๆ อาทิ อะไหล่ , อุปกรณ์ตกแต่ง , อุปกรณ์ป้องกัน , เครื่องแต่งกาย และบริการต่างๆ ที่พร้อมใจมอบโปรโมชั่นโดนใจ ทั้งลดแลกแจกแถมมาให้แฟนรถสองล้อได้เลือกซื้อกันเป็นพิเศษเฉพาะในงาน คาดจะทำให้ผู้ประกอบการในส่วนนี้ มีเม็ดเงินหมุนเวียนราว 25 ล้านบาท

นอกจากนี้ เรายังได้เนรมิตลานด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ ให้เป็นสนามแข่งขันทักษะขับขี่รถจักรยานยนต์สลาลม “BMF Gymkhana 2013” เปิดให้ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ทุกคนและทุกระดับที่สนใจมาลงแข่งขัน ซึ่งคนที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์ในกรุงเทพฯ เป็นคนที่มีทักษะขับขี่แบบจิมคาน่าอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ทราบว่าตัวเองมีทักษะ เพราะต้องขับขี่ซอกแซกไปมาและไม่ได้ใช้ความเร็วสูงไปตามท้องถนน จึงอยากให้ทุกคนได้สัมผัสมากขึ้น เพียงแค่นำมารถมอเตอร์ไซค์ตนเองเข้ามาลงแข่งที่สนามได้เลย การแข่งขันนี้มุ่งเน้นที่ทักษะขับขี่บนพื้นสนามที่อาจมีความลื่นมากกว่าผิวถนน โดยไม่ต้องใช้ความเร็วหรือมุ่งแต่ชัยชนะและจบการแข่งในเวลาเป็นหลัก

สำหรับข้อกำหนดการแข่งขันมีเพียงแค่การควบคุมรถ โดยไม่ให้เท้าแตะพื้นหรือสัมผัสไพลอน (กรวยยาง) สามารถคว้าชัยชนะเพื่อรับถ้วยและเงินรางวัลมูลค่ารวม 200,000 บาท ด้วยความที่ต้องการให้ทุกคนส้มผัสรูปแบบท้าทายความสามารถอย่างแท้จริง จึงได้ปรับรูปแบบการแข่งขันเป็นรุ่นเครื่องยนต์ต่ำกว่า 150 ซี.ซี. เนื่องจากเป็นรถที่มีผู้ใช้มากที่สุดและเหมาะกับสนามแข่ง โดยทาง M2F และ Fast Bike สองพันธมิตรสำคัญได้สนับสนุนค่าสมัครแก่ผู้สนใจ มั่นใจจะสร้างมาตรฐานและปรากฏการณ์ใหม่ให้กีฬามอเตอร์สปอร์ตและคนรักมอเตอร์ไซค์อย่างแน่นอน โดยผู้แข่งขันต้องมีอายุ 15 ปีขึ้นไป รถที่แข่งขันต้องมีสภาพถูกต้องตามกฎหมายและใส่เครื่องป้องกันครบถ้วน เปิดให้ดาวน์โหลดใบสมัครที่ www.thailandmotorbikefestival.com รับสมัครถึง 18 มกราคม 2556 นี้

อย่างไีก็ดี นายณัฐบูร และนายณัฐพล ไตรณัฐี กล่าวเพิ่มเติมว่า ปี 2556 นี้ถือว่าเป็นปีทองของวงการรถบิ๊กไบค์เมืองไทยอย่างแท้จริง เนื่องจากค่ายมอเตอร์ไซค์ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นทุกค่าย เดินหน้าทำตลาดรถประเภทนี้อย่างจริงจัง โดยนำเข้าและเปิดตัวรถรุ่นใหม่จากหลายค่าย รวมถึงการขึ้นไลน์ผลิตรถบิ๊กไบค์ที่โรงงานผลิตในประเทศไทยและใช้ไทยเป็นศูนย์การผลิตเพื่อส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก ประกอบกับมีค่ายรถมอเตอร์ไซค์ใหม่ๆ ทั้งจากยุโรป-สหรัฐอเมริกาและเอเชีย เข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดเมืองไทยเพิ่มมากขึ้น โดยประเทศทางตะวันตกประสบปัญหาจากวิกฤติการเงินและเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ต้องมองหาตลาดใหม่ๆ เข้ามาทดแทน รวมถึงทุกประเทศกำลังสนใจตลาดใหม่อย่างภูมิภาคเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งมีศักยภาพความพร้อมในหลายๆ ด้าน ส่งผลให้ไทยกลายเป็นเป้าหมายสำคัญ

ค่ายมอเตอร์ไซค์หันมาทำตลาดรถบิ๊กไบค์อย่างเต็มตัว ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกใหม่ๆ ทั้งในรูปแบบรถและระดับราคาหลากหลาย ส่วนมติคณะรัฐมนตรีที่เห็นชอบการปรับโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตยานยนต์ใหม่ จากเดิมที่เก็บตามชนิดเครื่องยนต์ คือ 2 จังหวะ (5%) และ 4 จังหวะ (3%) มาเป็นการเก็บภาษีตามปริมาตรความจุกระบอกสูบ (ซี.ซี.) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อรถบิ๊กไบค์ โดยเฉพาะรถบิ๊กไบค์เป็นรถที่มีความจุ 500 ซี.ซี.ขึ้นไป มีการจัดเก็บภาษี 10% และความจุ 1,000 ซี.ซี. จัดเก็บ 20% ซึ่งจัดเก็บภาษีมากกว่าเดิม 7-17% ส่งผลให้รถกลุ่มนี้ปรับราคาขึ้นตามภาษีใหม่ ซึ่งมีผลต่อความรู้สึกผู้บริโภคช่วงสั้นๆ เช่น รถขนาด 150-500 ซี.ซี. ปรับเพิ่มขึ้น 2% จากเดิม ไม่ทำให้ราคาขายรถปรับสูงมากนัก รถขนาด 500-1,000 ซี.ซี. ปรับเพิ่มขึ้น 7% จากเดิม ทำให้มองเห็นว่า กลุ่มรถ 150-500 ซี.ซี. ซึ่งเป็นรถที่ตลาดมีความต้องการสูง จะรักษายอดขายในตลาดไว้ได้ ค่ายรถต่างๆ คงไม่ปรับลดยอดการจำหน่ายลงมากนัก ขณะที่รถขนาด 1.000 ซี.ซี. รถไฮเอนจะปรับราคาขึ้นตั้งแต่แสนกว่าบาทถึงสองแสนบาท ผู้บริโภคกลุ่มนี้ไม่รู้สึกกระทบอะไร ขณะที่ภาพรวมตลาดรถบิ๊กไบค์ขนาด 500 ซี.ซี.ขึ้นไป ปีที่ผ่านมามียอดขายอยู่ในระดับเกือบ 10,000 คัน ทั้งที่จดทะเบียนถูกต้องและไม่ได้จดทะเบียน และจากที่ร่วมพูดคุยและวิเคราะห์กับผู้ประกอบการในวงการ ปี 2556 คาดว่าน่าจะมีปริมาณเพิ่มกว่าปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับ 13,000-14,000 คัน

"ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา นักขับขี่อาเซียนรู้จักงานแบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล มากขึ้น ทั้งจากการประชาสัมพันธ์ การเชิญสื่อจากนานาชาติเข้าร่วมงาน และขับรถบิ๊กไบค์ไปตามเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองไทย พร้อมร่วมทำกิจกรรม CSR ด้วยการมอบอุปกรณ์กีฬาและสื่อการเรียนการสอนให้แก่น้องๆ ตามโรงงานที่อยู่ห่างไกลความเจริญ อย่างสิงคโปร์ได้บรรจุงานของเราเข้าไปอยู่ในปฏิทินงานประจำปี รวมถึง Chain โรงแรมใหญ่ๆ นำไปโปรโมทเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าชาวต่างชาติที่สนใจเลือกเข้าพัก เพื่อที่จะได้เข้าชมงานได้สะดวก รวมไปถึงสำนักแต่งรถมอเตอร์ไซค์ในหลายประเทศเริ่มมีการติดต่อเข้ามาเพื่อขอเข้าร่วมงาน โดยปีนี้มีสำนักแต่งรถจากญี่ปุ่นเข้ามาร่วมโชว์ภายในงานด้วย"

นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจไว้อย่างหลากหลาย เพื่อให้ผู้สนใจได้เพลิดเพลินและสัมผัสบรรยากาศงานแสดงรถบิ๊กไบค์อย่างจุใจ ทั้งโซนจัดแสดงรถคัสตอมไบค์, โซน Motorcycle Club, การประกวดตกแต่งมอเตอร์ไซค์จากค่ายรถและสำนักแต่งรถต่างๆ, ทอล์คโชว์จากบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการมอเตอร์ไซค์ของเมืองไทย ในช่วงเย็นยังมีบริการลานเบียร์และดนตรีสดบริเวณหน้าศูนย์การค้าให้ได้พบปะสังสรรค์กันอย่างเต็มที่ ตลอดทั้ง 5 วันของการจัดแสดง เรียกได้ว่างานนี้เป็นสวรรค์สำหรับคนรักมอเตอร์ไซค์อย่างแท้จริง

สำหรับงาน "แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2013" สุดยอดเทศกาลมอเตอร์ไซค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เตรียมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 มกราคม – 3 กุมภาพันธ์ 2556 นี้ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ (ราชประสงค์) ชมฟรีตลอดทั้งงาน